การลงทุน / หุ้นส่วน / บริษัท
ALO ให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายธุรกิจทุกด้านรวมถึงการจัดตั้งและการจดทะเบียน บริษัทสาขาสำนักงานตัวแทนสำนักงานภูมิภาคการเป็นหุ้นส่วนการควบรวมและซื้อกิจการและการร่วมทุน นอกจากนี้เรายังให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ขององค์กรที่มีอยู่กับลูกค้าซัพพลายเออร์และตัวแทนจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ข้อตกลงที่เกี่ยวกับการค้า ความลับทางการค้า เงื่อนไขสิทธิหน้าที่ของคู่ค้า ฯลฯ
ลักษณะบริการที่เกี่ยวข้อง
-
การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่น รวมทั้งการขอใบอนุญาตกิจการเฉพาะ
-
แก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนทุกชนิด เช่น กรรมการผู้มีอำนาจ เพิ่มทุน ลดทุน ปิดกิจการ ตราประทับ
-
จัดทำข้อบังคับบริษัท สมาคม
-
การจัดการห้างหุ้นส่วนบริษัท
-
การเลิกห้างหุ้นส่วนบริษัทและการชำระบัญชี
-
ดำเนินการเพื่อจัดการประชุมกรรมการ หรือประชุมผู้ถือหุ้น
-
ดำเนินการเรียกหุ้นหรือเงินลงทุนคืน
-
ดำเนินการเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
-
ดำเนินการให้กรรมการรับผิดในทางแพ่ง
-
ดำเนินการเรียกให้บริษัทจ่ายเงินปันผล
-
ให้คำปรึกษาและจัดทำร่างสัญญาทางธุรกิจทุกประเภท เช่น สัญญาร่วมทุน สัญญาซื้อขายหุ้น สัญญาซื้อขายกิจการ
หุ้นส่วน
สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท คือ สัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้จากกิจการที่ท
ลักษณะของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทมีดังนี้
1) สัญญาระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป บุคคลที่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญาในสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ บุคคลนั้นต้องมีความสามารถตามกฎหมายในการทำสัญญาด้วย
2) การตกลงกันและเข้าทุนกัน กระทำเพื่อประกอบกิจการที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ซึ่งก็คือ วัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท และทุนที่จะนำมาเข้ากันนี้อาจเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ เช่น เงิน, ทรัพย์สินอื่น, แรงงาน
3) วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหุ้นส่วนหรือบริษัท เพื่อนำกำไรจากกิจการนั้นมาแบ่งปันกัน ลักษณะของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทอีกประการคือ ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อนำกำไรจากกิจการที่ทำมาแบ่งปันกัน หากไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำกำไรมาแบ่งปันกันย่อมไม่ใช่สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
ประเภทของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
1) ห้างหุ้นส่วนสามัญ
2) ห้างหุ้นส่วนจำกัด
3) บริษัทจำกัด
ห้างหุ้นส่วนสามัญ
คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้
1) ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในหนี้ของห้างหุ้นส่วน
2) การรับผิด เป็นการรับผิดโดยไม่จำกัด
ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่ง ดังนั้นลักษณะและหลักเกณฑ์ของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนย่อมนำมาใช้บังคับกับห้างหุ้นส่วนสามัญด้วย
ลักษณะสำคัญประเภทหนึ่งของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนก็คือ หุ้นส่วนทุกคนจะต้องจัดการงานร่วมกัน ต้องกระทำกิจการทุกอย่างด้วยกัน แต่อาจมีการแบ่งงานกันทำได้
ความรับผิดที่ผู้เป็นห้างหุ้นส่วนมีต่อบุคคลภายนอก
ผู้เป็นหุ้นส่วนต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมอ หากผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้ทำกิจการงานที่เป็นธรรมดาการค้าของห้างหุ้นส่วน ซึ่งโดยหลักก็คือ กิจการที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน หรือกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วน รวมทั้งกิจการที่จำเป็นต่อการดำเนินกิจการของห้าง
การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ
กฎหมายได้กำหนดเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนไว้โดยเฉพาะซึ่งมีด้วยกัน 3 สาเหตุคือ
1) การเลิกโดยผลของกฎหมาย มีดังนี้
1.1) มีข้อสัญญาว่าถ้ามีกรณีใดเกิดขึ้นก็ให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน
1.2) มีข้อสัญญาว่าจะตั้งห้างหุ้นส่วนขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
1.3) มีสัญญาตั้งห้างหุ้นส่วนขึ้นมาเพื่อกระทำการใดเป็นการเฉพาะ
1.4) มีการตั้งห้างหุ้นส่วนขึ้นมาโดยไม่มีกำหนดเวลาว่าจะเลิกเมื่อใด แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดบอกเลิกสัญญาโดยได้บอกเลิกก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนสิ้นรอบปีในทางบัญชี
1.5) มีผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย ล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ แต่หากผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ หรือรับซื้อหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ตาย ล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ ห้างหุ้นส่วนก็ไม่เลิกกัน
2) การเลิกโดยความประสงค์ของผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนได้เสมอ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม และการตกลงเช่นนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
3) การเลิกโดยคำสั่งศาล ในกรณีมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้เป็นหุ้นส่วนก็สามารถที่จะฟ้องต่อศาลขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นเหตุให้สามารถร้องขอต่อศาลให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้มีดังนี้
3.1) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ร้องนั้นล่วงละเมิดบทบังคับใดๆ อันเป็นข้อสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้ โดยจจงใจหรือเลินเล่ออย่างร้ายแรง
3.2) เมื่อกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นจะทำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียวและไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก
3.3) เมื่อมีเหตุอื่นใด ทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ เช่น ผู้เป็นหุ้นส่วนทะเลาะเบาะแว้งกัน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน โดยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการนั้น
กฎหมายบังคับให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องจดทะเบียนเสมอ ซึ่งรายการที่ต้องจดทะเบียนมีดังนี้
1) ชื่อของห้างหุ้นส่วน
2) วัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วน
3) ชื่อที่อยู่ของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด
4) ชื่อที่อยู่ของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด
5) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการและข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ (หากมี)
หุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด แบ่งออกเป็น 2 จำพวก
1) หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด กล่าวคือ ต้องร่วมกันรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน
2) หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด มีลักษณะดังต่อไปนี้
2.1) หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ไม่สามารถเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้
2.2) หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดมีสิทธิเพียงแนะนำและออกความเห็น
2.3) คุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดไม่ใช่สาระสำคัญ กล่าวคือกรณีผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดตาย ล้มละลาย หรือพบเป็นคนไร้ความสามารถ ก็ไม่เป็นเหตุให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องเลิกกัน
2.4) ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด จะจำกัดความรับผิดของตนเองไว้ไม่เกินจำนวนเงินที่ตนจะลงหุ้น และจะรับผิดต่อเมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้วเท่านั้น
บริษัทจำกัด
บริษัทจำกัด คือ บริษัทที่ตั้งขึ้นโดยมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัด โดยเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิและกระทำการตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อประกอบกิจการที่มุ่งแสวงกำไร
บริษัทจำกัดตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่าๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ
ขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท
1) บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นผู้เริ่มก่อการ ตกลงร่วมกันตั้งบริษัทประกอบกิจการเพื่อประสงค์จะได้กำไร
2) ผู้เริ่มก่อการร่วมกันจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ ระบุความต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
3) นำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
4) ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีการจองหุ้นหรือลงชื่อซื้อหุ้น
5) ผู้เริ่มก่อการต้องเรียกประชุมตั้งบริษัท ซึ่งจะมีการตกลงเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
6) ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท ต้องมอบหมายกิจการให้แก่กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุม
7) คณะกรรมการมีหน้าที่ต้องเรียกเงินค่าหุ้นจากบุคคลที่เข้าชื่อซื้อหุ้น ซึ่งจำนวนเงินที่เรียกเก็บนี้ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
8) กรรมการผู้มีอำนาจจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทแล้วยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียน